จากข้อมูลเรื่องหินธรรมชาติที่เราได้แบ่งปันกันไปแล้ววันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องหินเทียมและหินกึ่งธรรมชาติ ที่ช่วยทดแทนและลดการใช้หินธรรมชาติ รวมถึงคุณสมบัติพิเศษที่ลดข้อจำกัดของการใช้หินในงานตกแต่ง ที่ทำให้หินเทียมหรือหินกึ่งธรรมชาติเป็นที่นิยมในการนำมาใช้ในงานตกแต่ง เพิ่มความโดนเด่นและความแปลกใหม่ให้งานออกแบบ รวมถึงเพิ่มทางเลือกให้นักออกแบบได้สร้างสรรค์งานดีไซน์ได้แบบไม่มีข้อจำกัด
1. หินควอทซ์
ประกอบด้วยแร่ควอตซ์ธรรมชาติกับเรซิ่นโพลิเมอร์เพื่อช่วยประสานให้สามารถรับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น สามารถทำสีสันได้หลากหลาย มีรูพรุนน้อย แข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วน
ลักษณะการใช้งาน
นิยมใช้ทำท็อปเคาน์เตอร์,ท็อปเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า,ท็อปโต๊ะ สามารถนำมาตกแต่งร่วมกับวัสดุอื่นๆ ได้ทุกสไตล์ และเมื่อติดตั้งแล้วแทบมองไม่เห็นรอยต่อของแผ่นหินทำให้มองเห็นแผ่นเดียวกันทั้งหมด
การดูแลรักษา
เช็คทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากหินควอทซ์บางประเภทมีแร่หินธรรมชาติผสมอยู่ด้วย จึงอาจมีการดูดซึมตามธรรมชาติของหินและหลีกเลี่ยงการโดนความร้อนสูง
2. หินขัด
ประกอบไปด้วยเศษหินอ่อน เศษกระจก เศษหินสี เปลือกหอย ไข่มุก หรือเรซิ่นที่ถูกหลอมอยู่ในคอนกรีต แล้วนำไปขัดผิดให้เกิดเงา มีความแข็งแรงทนทาน มีลวดลายให้เลือกหลากหลายและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ลักษณะการใช้งาน
เหมาะสำหรับใช้ทำเป็นปูพื้น กรุผนัง เคาน์เตอร์ บาร์ พื้นผิวโต๊ะ และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ
การดูแลรักษา
ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดด้วยผ้าสะอาดแล้วเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง หรือน้ำยาทำความสะอาดสำหรับพื้นหิดขัด ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นน้ำมัน เพราะจะทำให้สีของพื้นหิดขัดด่างได้ง่าย
3. หินอ่อนอัด
เป็นหินที่เกิดจากการผสมกันของหินอ่อน หินแกรนิตหรือหินควอตซ์ที่นำมาย่อยแล้วผสมกับพอลิเอสเตอร์เรซินนำมาขึ้นรูปเป็นแผ่น มีความแข็งแรง เนื้อหินไม่มีรูพรุนการดูดความชื้นจึงต่ำกว่ากินธรรมชาติ พื้นผิวมันวาว
ลักษณะการใช้งาน
ใช้สำหรับงานภายในเช่น ปูพื้น กรุผนัง หรือท้อปเคาน์เตอร์
การดูแลรักษา
เพื่อรักษาพื้นผิวของหินอัดควรขัดเงาพื้นผิวและไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรดในการทำความสะอาด
4. หินสังเคราะห์
เป็นหินที่ผลิตออกมาเพื่อทดแทนการใช้หินธรรมชาติ แต่มีข้อดีกว่าทั้งในเรื่องความแข็งแรง ความแข็งแรงทนทาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ชนิด
1. หินสังเคราะห์อะครีลิค 100% ผลิตขึ้นมาจากวัสดุจากธรรมชาติ วัสดุสังเคราะห์และสารเติมแต่ง ไม่มีรูพรุน สามารถดัดโค้งได้ มีสีและลวดลายสม่ำเสมอทั่วทั่งแผ่น ติดตั้งง่าย นิยมในการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และทางการแพทย์
2. อะคริลิกผสมโพลีเอสเตอร์ ต่างจากหินสังเคราะห์เกรดอะคริลิก 100% ตรงที่จะลดปริมาณอะคริลิกลงแล้วเติมโฟลีเอสเตอร์เข้าไปแทน มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความแข็งแรงคงทนทาน ไม่ดูดซึมน้ำ และทนความร้อนได้เป็นอย่างดี แต่จะดัดโค้งค่อนข้างยาก
ลักษณะการใช้งาน
ใช้ทำท็อปเคาน์เตอร์,หน้าเคาน์เตอร์,ชั้นวางของ (เลือกใช้ตามความเหมาะสม)
การดูแลรักษา
หินสังเคราะห์ถูกผลิตขึ้นเพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขอนามัย ความสวยงาม หินสังเคราะห์จึงมีการดูแลรักษาที่ง่าย โดยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆเช็ดทำความสะอาด
5. หินโปร่งแสงอลาบาสเตอร์
เป็นหินที่แสงสามารถส่องผ่านมวลเนื้อหินได้ สามารถดัดให้โค้งงอได้ มีน้ำหนักเบา ลวดลายสีสันสวยงาม มีรูพรุน มีอัตราการดูดซึมน้ำสูง จึงไม่เหมาะที่จะใช้งานกับพื้นที่ที่ต้องสัมผัสน้ำเป็นประจำ
ลักษณะการใช้งาน
ใช้ปิดผิวผนังภายใน,ภายนอกและปิดผิวเคาน์เตอร์
การดูแลรักษา
สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ด้วยความที่เป็นหินแท้จึงซึมน้ำได้เหมือนหินปกติแต่สามารถแก้ปัญหาการซึมน้ำได้โดยการเคลือบหน้าผิวทับลงไปอีกชั้น หากใช้งานโดยไม่เคลือบหน้าผิว สามารถนำผ้าชุบน้ำสะอาดมาเช็ดดูแลได้ตามปกติ แต่หากเคลือบหน้าผิว สามารถทำความสะอาดได้ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่มีกรดสูง
นี่คือหินเทียมและหินกึ่งสังเคราะห์ที่นักออกแบบนิยมนำมาใช้ในงานตกแต่ง ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่าง ความหลากหลายและความเป็นไปได้ในงานออกแบบให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น